กองทุนไหนที่ใช่เรา

1
113634
คำถามสุดคลาสสิคของผู้ที่คิดจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวมคือ “ซื้อกองไหนดี ?”บ่อยครั้ง เรามักจะถามเพื่อนๆ ที่ลงทุนอยู่ก่อนแล้ว (ขนาดอิฉันเองยังมีคนมาถามเลยนะเนี่ย ไม่แน่ใจว่าเขามีความคาดหวังอะไรจากเม่า หรือเขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่าเราเป็นเม่า) ถ้าเจอเพื่อนไม่ดี เพื่อนอาจจะแกล้งบอกกองห่วยๆ มาให้เรา  แต่ถึงจะได้เพื่อนดี ที่รักและหวังดีต่อเราจริงๆ ก็เถอะ ก็ไม่ควรลอกกองทุนเพื่อนอยู่ดี เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน การลอกกองทุนเพื่อน เป็นสิ่งต้องห้ามพอๆ กับการยืมชุดชั้นในเพื่อนมาใส่ เพราะยากมากที่ไซส์จะเท่ากัน ใส่ไปก็ไม่สบายตัว เผลอๆ เสียทรง เราจึงควรหากองทุนที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า

กองทุนรวมแต่ละประเภทมีระดับความเสี่ยงและผลตอบแทน(ที่คาดว่าจะได้รับ)ต่างกัน ซึ่งความเสี่ยงของแต่ละกองทุน ขึ้นอยู่กับว่ากองทุนนั้นนำเงินไปลงทุนในอะไร ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม เราจะต้องทำแบบประเมิน Suitability Test  เพราะจะทำให้รู้ว่าความสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และรู้ว่าเหมาะกับการลงทุนในกองทุนรวมแบบไหน (ซึ่งสมัยนี้ ตอนไปซื้อเขาจะบังคับให้ทำอยู่แล้ว แม้เราจะขี้เกียจทำก็ตาม และถ้าซื้อกองทุนที่เกินความเสี่ยงที่รับได้ ต้องเซ็นต์ยินยอมด้วย)
กองทุนรวมมีนโยบายการลงทุนเป็นสิบ ๆ แบบ ต้องแน่ใจว่ากองทุนที่กำลังจะเลือกตรงใจเราจริงๆ

– ถ้าต้องการผลตอบแทนค่อนข้างสูง และรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกองทุนรวมหุ้น ซึ่ง บลจ. แต่ละแห่งอาจมีจุดขายแตกต่างกันไป บางกองทุนลงทุนในหุ้นเต็มที่ตลอดเวลา บางกองทุนลงทุนเฉพาะหุ้นบริษัทใหญ่ๆ 50 อันดับแรก 30 อันดับแรก บางกองทุนเน้นลงทุนหุ้นเฉพาะกลุ่มหรือหุ้นที่จ่ายปันผล เป็นต้น

– ถ้าไม่ชอบหุ้น หรือรับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่ลงทุนเฉพาะในพันธบัตร หรือตราสารหนี้ เช่น หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้น

– ถ้าต้องการให้เงินต้นไม่สูญหายแม้แต่แดงเดียว แนะนำกองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น 100% หรือกองทุนรวมมีประกัน ซึ่งรับประกันว่าเงินอยู่ครบ แต่บางกองทุนอาจมีเงื่อนไขว่าคุ้มครองเงินต้นแค่ 80% หรือรับประกันแค่ 90% เป็นต้น ต้องดูดีๆ

– นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวม ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นโดยกองทุนทั้งสองประเภทนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วยหากปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน (มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ จะรู้จักกันดี)

และถึงแม้ว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว เราก็ควรกระจายความเสี่ยงโดยการจัดสรรเงินบางส่วนไปลงทุนกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนอื่นๆ ด้วย เช่น หากลงทุนในกองทุนรวมหุ้น เมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง ก็อาจได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนอื่นมาทดแทนบ้าง พอให้มีแรงต่อสู้ชีวิตต่อไป ^^

 

 

 

1 COMMENT

Comments are closed.