กองทุนรวมหุ้น

0
119715
มีหลายท่านอยากลงทุนในหุ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
หรือบางท่านอาจลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว แต่ว่าไม่มีเวลาติดตามหุ้น
ทำให้สภาพพอร์ตไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมี
โอกาสได้ลงทุนในหุ้นโดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้”กองทุนรวมหุ้น (equity fund)” หรือ “กองทุนรวมตราสารทุน” คือ กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารทุนประเภทต่างๆ  เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrants) รวมถึงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้น ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวม (คำนวณโดยเฉลี่ยในแต่ละรอบปีบัญชี)

นโยบายการลงทุน
“กองทุนรวมหุ้น” มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายขึ้นอยู่กับ บลจ.หรือผู้จัดการกองทุน เช่น
– เลือกลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีอัตราการเติบโตสูง ผลการดำเนินงานดี และมีศักยภาพที่จะขยายกิจการได้อย่างดีในอนาคต
– หรือลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง มีผลการดำเนินงานดี
– หรือลงทุนในหุ้นของหมวดอุตสาหกรรมใดๆ

ผลตอบแทนและความเสี่ยง
กองทุนรวมหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในกองทุนรวมประเภทอื่นๆ แต่ก็อย่าลืมว่าผลตอบแทนสูงย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง
การลงทุนใน “กองทุนรวมหุ้น” อาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมไปลงทุน ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ การปรับเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐที่มีผลต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่กองทุนรวมไปลงทุน
ความเสี่ยงจากการที่ผู้จัดการกองทุน วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกหุ้นและกำหนดสัดส่วนการกระจายการลงทุนไม่เหมาะสม หรือแม้แต่เลือกจังหวะการลงทุนผิดพลาด  แต่การที่กองทุนรวมหุ้นมีการกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆ ตัว ก็ยังช่วยกระจายหรือจำกัดความเสี่ยงได้ เพราะหากหุ้นตัวใดมีราคาลดลงก็ยังมีหุ้นตัวอื่นมาพยุงไว้
จะเลือกกองทุนรวมหุ้นที่ใช่ได้อย่างไร
1. ให้เปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นตัวที่เราสนใจกับตัวชี้วัดหรือ  Benchmark เช่น  ถ้ากองทุนรวมหุ้นทั่วไป  ก็ต้องเปรียบเทียบผลตอบแทนกับ  SET Index หรือถ้าเป็นกองทุนรวมหุ้นที่มีชื่อว่า  กอง  SET50  ก็ต้องเปรียบเทียบกับผลตอบแทน  SET50 Index การเปรียบเทียบดังกล่าวเป็นตัววัดว่าผู้จัดการกองทุนมีประสิทธิภาพแค่ไหน  และสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาผลการดำเนินงานของผู้จัดการกองทุนมากกว่า 1 ปี โดยขึ้นอยู่กับระยะการลงทุนของผู้ลงทุน เพื่อให้เห็นความสม่ำเสมอของการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุนที่กำลังพิจารณา

2. เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนด้วย เพราะบางปีกองทุนรวมทุกกองทุนเอาชนะ Benchmark หมด  ดังนั้น  ต้องเลือกกองทุนรวมหุ้นที่มีค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผลที่สุด

3. จะเลือกกองทุนรวมหุ้นแบบไหนระหว่างจ่ายปันผลกับไม่จ่ายปันผล  กองแบบที่จ่ายปันผล ข้อดี  คือ ได้ผลตอบแทนระหว่างการลงทุนเป็นระยะ เสมือนเป็นรายได้เพิ่มเข้ามา (แต่ถึงเวลาจริงจะได้หรือไม่ หรือได้เท่าไร  ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของกองทุนในรอบบัญชีนั้น  ๆ  ด้วย)  ข้อด้อย  คือ  เงินปันผลต้องถูกหักภาษี  ณ  ที่จ่าย  10%  ขณะที่กองไม่จ่ายปันผล  ไม่ต้องเสียภาษี  กำไรเวลาขายคืนหน่วยลงทุนก็ได้รับไปเต็ม  ๆ  แต่ระหว่างการลงทุนไม่มีเงินปันผล

ดูๆ แล้ววิธีการเลือกองทุนรวมหุ้นก็ไม่ยากเย็นอะไรเนอะ แล้วเม่าจะเลือกกองทุนรวมหุ้นกองไหนไปติดตามกันได้ในการ์ตูนจ้า