[แบบทดสอบ] คุณเหมาะกับการลดหย่อนภาษีแบบไหน ?

0
91236
ถึงช่วงโค้งสุดท้ายของการลดหย่อนภาษีแล้ว หลายคนยังไม่รู้ว่าจะลดหย่อนภาษีแบบไหนดี วันนี้พี่เม่ามีเกมสนุกๆ มาให้เล่นกัน มาลองดูว่าพิจารณาตามเงื่อนไขต่างๆ แล้ว สไตล์ของเรา “เหมาะ” กับการลดหย่อนภาษีแบบไหน ? ไปเล่นกันเล้ยยย
 
ได้ผลลัพท์มาแล้ว มาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้นะจ๊ะ
ประกันชีวิต เหมาะกับ…
  • ผู้ที่มีภาระ มีคนข้างหลังที่ต้องดูแล เช่น พ่อแม่วัยชรา หรือ ลูกน้อยที่ยังเรียนหนังสืออยู่
  • ผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอ สามารถส่งเบี้ยติดต่อกันหลายปีได้ เพราะประกันชีวิตส่วนมาก มักต้องส่งเบี้ยติดต่อกัน 5-10 ปี ถ้าส่งไม่ครบ เราอาจไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่เราตั้งใจไว้
  • ผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยน้อย แต่ได้ความคุ้มครองเยอะ
  • ผู้ที่ต้องการการคุ้มครองระยะยาว

 

ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประกันชีวิต คือ ประกันชีวิต iProtect 5 ของกรุงไทย-แอกซ่า จ่ายเบี้ย 5 ปี คุ้มครองชีวิตจนถึงอายุ 85 ปี จุดเด่นของประกันชีวิตแบบนี้คือ สมมติทำทุนประกันที่ 1 ล้านบาท จ่ายเบี้ยสั้นๆ แค่ 5 ปี แต่ถ้าเราเป็นอะไรตอนนี้ คนข้างหลังเราจะได้รับ 1 ล้านบาททันที หรือถ้าเรามีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 85 ปี ก็จะได้เงินคืนกลับมาไว้ใช้ยามบั้นปลายหรือเป็นมรดกให้ลูกหลาน 1 ล้านบาท
ประกันออมทรัพย์ เหมาะกับ…
  • ผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอ สามารถส่งเบี้ยติดต่อกันหลายปีได้ เพราะประกันออมทรัพย์ส่วนมาก มักต้องส่งเบี้ยติดต่อกันหลายปี เราต้องมั่นใจว่าเราสามารถจ่ายได้ตามกำหนด เพราะถ้าเวนคืนก่อนจะขาดทุนอย่างแรง
  • ผู้ที่ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า (ประกันออมทรัพย์ที่ลดหย่อนภาษีได้ มักคืนเงินก้อนปีที่ 10)
  • ผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่อยากเสียเงินต้น

 

ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประกันออมทรัพย์คือ ประกันชีวิต iPlus ของกรุงไทย-แอกซ่า จ่ายเบี้ย 6 ปี คุ้มครองชีวิต 10 ปี จุดเด่นของประกันออมทรัพย์ตัวนี้คือ นอกจากเป็นประกันเงินออมแล้ว ยังเพิ่มการคุ้มครองชีวิตเมื่อเจ็บป่วยด้วย 5 โรคร้ายและการสูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุอีกด้วย
RMF  เหมาะกับ…
  • ผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป (อายุน้อยกว่านี้ก็ได้นะถ้าพร้อม)
  • ผู้ที่ต้องการเก็บออมไว้ใช้ยามเกษียณ
  • **ถ้าเริ่มซื้อปีนึงแล้วต้องซื้อไปจนอายุ 55 ปี อนุโลมให้เว้นได้ปีเว้นปี แต่ซื้อทุกปีดีกว่ากันลืม โดยลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ในแต่ละปี หรือ 5,000 บาท (แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า)  คิดง่ายๆ คือถ้าเงินเดือนมากกว่าเดือนละ 13,888 บาท ก็ต้องซื้อขั้นต่ำปีละ 5,000 บาททุกปี

 

กองทุน RMF มีข้อดีคือ มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงความเสี่ยงสูง เราสามารถเลือกการลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้ สำหรับวัยรุ่นแบบเราๆ ก็ควรลงทุนในกองทุนที่เน้นหุ้นเยอะหน่อย เพราะยังสามารถใช้ระยะเวลาในการลดความเสี่ยงได้ และการลงทุนในหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น
ตัวอย่างกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้น คือ KTSE-RMF ลงทุนในหุ้นขั้นต่ำ 65% ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 9.71% ต่อปี และเพิ่งได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2559 จากวารสารการเงินการธนาคาร ประเภทกองทุนการเลี้ยงชีพตราสารทุน
LTF  เหมาะกับ…
  • ผู้ที่ไม่อยากจ่ายเงินต่อเนื่องทุกปี เพราะ LTF ไม่ผูกพัน ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องเหมือนประกันหรือ RMF
  • ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากนโยบายของกองทุน LTF ต้องลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 65% ขึ้นไป ซึ่งอาจมีโอกาสขาดทุนหรือกำไรได้ เมื่อครบกำหนด
  • ผู้ที่ไม่ใช้เงินนี้ไปอีก 7 ปีปฏิทิน (ซื้อปีนี้ พ.ศ. 2559 ขายได้ปี พ.ศ. 2565 )

 

จะซื้อกองทุน LTF ปีนี้(พ.ศ.2559) มีข้อควรระวังนิดหน่อย เพราะเป็นปีแรกที่ยืดระยะเวลาการถือจาก 5 ปีปฏิทิน เป็น 7 ปีปฏิทิน ซึ่ง 7 ปีปฏิทิน หมายถึงว่าซื้อแล้วต้องถือไว้ประมาณ 5 ปีกว่าๆ สำหรับผู้เสียภาษีฐาน 5% หรือ 10% (หรือมีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน) ภาษีที่ลดหย่อนได้ เมื่อเทียบกับความเสี่ยง อาจจะยังไม่คุ้มก็ได้นะ
แต่สำหรับคนที่คิดจะลงทุนในหุ้นระยะยาวอยู่แล้ว ก็คิดซะว่าการได้ลดภาษีไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน ยังไงก็ถือเป็นแต้มต่อในการลงทุนได้ดีกว่าการไปลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆ ที่ไม่ได้รับสิทธินี้
การลงทุนอื่นๆ เหมาะกับ…
  • ผู้ที่ลดหย่อนทุกอย่างไปเต็มสิทธิแล้ว
  • ผู้ที่ยังไม่ต้องเสียภาษี หรือ ผู้ที่ไม่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
  • ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์

 

ตอนนี้มีกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจอยู่ สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำให้จับตากองนี้ไว้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นอินเดีย KT-INDIA ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco India Equity Fund – Class A เพียงกองเดียว  ผลตอบแทนย้อนหลังน่าสนใจมาก ประมาณ 26% ต่อปี (อู้หูโอ้โห)  แต่ผลตอบแทนสูงมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง หากนักลงทุนสนใจลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนลงทุนนะจ๊ะ
สำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง เน้นรักษาเงินต้น แต่ต้องการผลตอบแทนดีกว่าฝากออมทรัพย์ พี่เม่าก็มีกองทุนตราสารหนี้มาแนะนำกัน KT-PLUS ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 2.2% ต่อปี สูงกว่าฝากออมทรัพย์ 3-4 เท่าเลยทีเดียว
และในช่วงนี้หากใครซื้อประกัน กับกรุงไทย-แอกซ่า หรือ LTF/RMF กับ บลจ. กรุงไทย เค้ามีโปรโมชันพิเศษด้วย
ประกัน : รับบัตรเงินสดมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท และถ้ารูดผ่าน KTC รับคะแนนเพิ่มสูงสุด 1.5 เท่า
LTF/RMF : ลงทุนทุกๆ 50,000 บาท รับเงินคืนเข้ากองทุน KTPLUS 100 บาท
ถ้าซื้อแล้วไม่ได้ของขวัญของรางวัลตามนี้อย่าลืมทวงนะจ๊ะ