หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ STELLA (บมจ.สเตลล่า เอ็กซ์) หรือชื่อเดิม NUSA (บมจ.ณุศาศิริ) กลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง คือการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ทั้งหมด ที่มากฝีมือ คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาฯ และการลงทุนมาอย่างยาวนาน เพื่อวางกลยุทธ์ในการพลิกฟื้นธุรกิจและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ที่ถึงแม้จะเข้ามาบริหารได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ทีมผู้บริหารใหม่ก็เริ่มสร้างผลงานจนเป็นที่น่าจับตามอง เช่น
– สร้างยอดขายย้อนหลัง 5 เดือนที่ผ่านมาได้กว่า 100 ล้านบาท/เดือน จากเดิมเพียง 10-20 ล้าน/เดือน
– ปิดการขายโครงการอสังหาฯ เดิมกว่า 5 โครงการ
– พลิกฟื้นโครงการ My Ozone ที่เคยขาดทุนให้กลับมามีกำไร และสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมากว่า 270.8 ล้านบาท (เฉพาะสนามกอล์ฟสร้างรายได้กว่า 17.3 ล้านบาท)
– ปรับโครงสร้างธุรกิจของ D Varee Mai Khao Beach Resort เช่นการเพิ่ม Capacity จาก 60 ห้อง เป็น 96 ห้อง (+60%) และเพิ่ม Distribution Channel ส่งผลต่อ Dynamic Rate และ ADR เพิ่มขึ้น (ราคาขายเพิ่มขึ้นจาก 1,300 บาท เป็น 4,800 บาท)
– ปิดดีลยอดจองห้องพัก 30% ตลอดปีของ Bergh Apton Khao Yai สร้างรายได้ +100% YoY
นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่เข้ามายังมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการฟื้นฟูธุรกิจ และการวางรากฐานที่ชัดเจนเพื่อ Turnaround STELLA ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก
1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เปิดตัว 2 โครงการใหม่ พร้อมเตรียมร่วมทุน (Joint Venture) ใน 4 โครงการบนทำเลศักยภาพ อย่าง หัวหิน, ภูเก็ต, เขาใหญ่ และพัทยา และยังนำที่ดินเดิมมาพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ ที่เน้นแนวคิดด้านความยั่งยืน ตั้งแต่การออกแบบและดิไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง โดยโครงการทั้งหมดจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Premium 2 กลุ่มหลัก
– กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและต้องการที่พักอาศัยที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Lifestyle ที่มีเอกลักษณ์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
– กลุ่มชาวต่างชาติที่มองหาบ้านหลังที่ 2 ในไทยด้วยจุดเด่นด้านค่าครองชีพที่เหมาะสม ภูมิอากาศที่ดี และบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับโลก
2. ธุรกิจ Wellness
ด้วยการพัฒนาโครงการ My Ozone ศูนย์การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ให้เป็น Destination Place สำหรับการพักผ่อนและการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ทั้งการดูแลสุขภาพ และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและความงาม ที่ผสมผสานศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
3. ธุรกิจพลังงานสะอาด
ผ่านการลงทุนใน 2 บริษัท คือ Demco (ถือหุ้น 23%) และ Wind Energy Holding (WEH) (ถือหุ้น 7%)
ซึ่งที่ผ่านมา WEH สามารถสร้างกระแสเงินสดโดยการจ่ายปันผลให้กับ STELLA กว่าปีละ 170-200 ล้านบาท
ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินของ STELLA แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานสะอาดของโลก และมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน ผู้ถือหุ้น STELLA จึงได้มีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 2,613,244,469 หุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 0.20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่า Book Value ของบริษัท
โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตครั้งสำคัญนี้
– สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม : 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่
– ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ หรือ Warrant (STELLA-W6) ในอัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ : 1 Warrant
โดยวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน คือ
– พัฒนาโครงการใหม่และปรับปรุงสินทรัพย์เดิมเพื่อสร้างการเติบโตและรายได้ให้กับบริษัท
– ชำระหนี้ระยะสั้น ลดภาระดอกเบี้ยเสริมความมั่นคงทางการเงิน
– เสริมสภาพคล่องรองรับการดำเนินงาน และการลงทุนในอนาคต
สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้สิทธิเพิ่มทุน และสนใจเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตครั้งใหม่ของ STELLA ที่มาพร้อมกับทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ก็อย่าลืมตัดสินใจใช้สิทธิของตัวเองได้ระหว่างวันที่ 17-23 มกราคม 2568
ส่วนนักลงทุนคนไหนที่อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ ก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ stella-th.listedcompany.com
#MAOxSTELLA