‎ทำไมน้ำมันราคาตก‬

วันนี้ ( 4 ธ.ค. 58 ) กลุ่ม OPEC จะมีการประชุมที่เวียนนา ว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่

ปูพื้นก่อนว่า โอเปกเป็นขาใหญ่คุมตลาดน้ำมัน รวมตัวกัน 12 ประเทศ โดยมีซาอุเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ทุกปีส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก มี market share เกิน 40%

อย่างที่ทุกคนก็รู้กันดีว่าราคาน้ำมันตกต่ำอย่างแรง จาก 100 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรลกลางปีก่อน ตอนนี้เหลือแค่ 40 นิสๆต่อบาร์เรล

ที่น้ำมันตกต่ำขนาดนี้ ก็ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ตามหลักเสดสาดมอต้น เนื่องจาก Demand น้อยกว่า Supply ภาษาบ้านๆ คือ ความต้องการน้ำมันน้อยกว่าปริมาณน้ำมันที่ผลิตออกมา

หลายคนเกิดคำถามในใจ เอ๊ะ แล้วจะผลิตออกมาเยอะๆ ทำไม? ไหนบอกน้ำมันจะหมดโลกแล้ว ไม่รู้จักประหยัดไว้ให้ลูกหลานใช้ !

จริงๆ ความเชื่อเรื่องน้ำมันหมดโลกนี่มัน out ไปแล้วนะ อัพเดทด่วนที่สุด ตอนนี้มันเป็นเทรนด์น้ำมันท่วมโลกละรู้ยัง จงอ่านต่อไปแล้วคุณจะไม่เสียดาย 3G

บางคนแย้ง หนูรู้หนูเรียนมา น้ำมันดิบเกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์นับล้านๆ ปีไม่ใช่เรอะค๊ะ แล้วไหงจู่ๆ มาทับถมกันเร็วจังในปีนี้ ?

คืองี้ สมัยก่อนเนี่ยเราขุดเจาะน้ำมันดิบเอาจากใต้ผืนดินลึกๆ ถูกปะ ซึ่งตรงนั้นมันก็ใกล้หมดแล้วจริงๆ อย่างที่เค้ารณรงค์กัน

แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โลกเรามีเทคโนโลยีใหม่

แถ่นแทนแท๊น … 

‘Shale Oil’ 

หรือน้ำมันจากหินดินดานนั่นเอง

เป็นกรรมวิธีอะไรบางอย่างไม่ต้องสนใจมากไม่ออกข้อสอบ สรุปเลยละกัน คือด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำให้เราสามารถสกัดน้ำมันจากชั้นหินได้แล้ว น้ำมันไม่หมดโลกอีกต่อไปแล้วจ้ะ ^0^

จากการสำรวจพบว่า Shale Oil มีอยู่มากในสหรัฐ จีนและรัสเซีย หลังจากการมาของเทคโนโลยีนี้ วงการน้ำมันก็เปลี่ยนไป เพราะอเมริกาที่เคยหวงน้ำมันดิบของตัวเองม๊าก ขนาดห้ามส่งออกกว่า 40 ปี ก็รีบผ่านร่างกฎหมายให้ส่งออกน้ำมันเลยข่าาา เนื่องจากผลิตน้ำมันดิบได้เยอะมาก มากจนหายใจรดต้นคอซาอุกันเลยทีเดียว

พออเมริกานำเข้าน้อยลง ส่งออกเยอะขึ้น น้ำมันก็เริ่มเยอะจนล้นตลาด ราคาก็ตก ตามปกติถ้าเกิดเหตุการณ์น้ำมันล้นตลาด โอเปกจะลดกำลังการผลิตลงเพื่อให้น้ำมันในตลาดน้อยลง ให้ดูหายาก ราคาน้ำมันจะได้กลับมาเลอค่าดั่งทองเหมือนเดิม

แต่คราวนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะถ้าโอเปกลดกำลังการผลิตลง แต่ถ้าผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น เช่นรัสเซีย เม็กซิโก รวมถึงพวก Shale Oil ยังผลิตออกมาเท่าเดิมเพราะชั้นไม่ไช่โอเปก เผลอๆ ผลิตเยอะขึ้นด้วย เพราะขายได้ราคา กลายเป็นแย่ง market share ของโอเปกไปอีก ซึ่งสิ่งที่โอเปกต้องรักษาไว้ไม่ใช่ราคา แต่คือ market share เพื่อการเป็นผู้นำในตลาดน้ำมัน ดังนั้นการประชุมโอเปกปีที่แล้ว จึงมีมติไม่ยอมลดกำลังการผลิต

เมื่อน้ำมันล้นตลาด ราคาน้ำมันดิบจึงรูดมหาราชอย่างที่เห็น ลดลงเกิน 50% ก็ส่งผลกระทบกับ Shale Oil เพราะเป็นการขุดเจาะที่ต้องใช้เทคโนโลยี มีต้นทุนสูง การที่ราคาลดลงเยอะขนาดนี้ ก็เจ๊งสิครัชชช เจ๊งไปหลายเจ้า ถ้าเจ๊งหมด โอเปกก็หมดเสี้ยนหนาม จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง กลับมาครองตลาดเป็นเศรษฐีน้ำมันเหมือนเดิม พวกเราก็กลับไปใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม

แต่หนทางมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแบบนั้นหรอก เพราะถ้าลดกำลังการผลิต น้ำมันกลับมาแพง Shale oil ที่เจ๊งไปจะกลับมาเปิดบ่อทันที แถมเป็นเทคโนโลยี ยิ่งนานวันมีการคิดค้นวิจัยใหม่ๆ ต้นทุนก็ยิ่งถูกลง

แต่ถ้ายังคงกำลังการผลิต ราคาน้ำมันตกต่ำ ประเทศที่ส่งออกน้ำมันเป็นรายได้หลักเช่นซาอุ ก็เริ่มจนลง เพราะค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิมแต่รายรับลดลงครึ่งต่อครึ่ง ผ่านสงครามราคามาแค่ปีกว่าๆ ซาอุก็เริ่มออกอาการแล้ว ถึงขนาดที่ IMF คาดการณ์ว่าถ้าราคาน้ำมันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ซาอุจะล้มละลายภายใน 5 ปี !!

ดังนั้น เมื่อการประชุมเวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันนี้ โอเปกก็ต้องเลือกว่าจะลดการผลิตเพื่อพยุงราคา หรือจะอยู่ในสงครามราคาต่อไปเพื่อฆ่า Shale Oil แต่ก็ต้องยอมกลืนเลือดตัวเองไปด้วย หรือทางเลือกที่สาม คือผู้ผลิตน้ำมันมาฮั้วกันทั้งโลกไปเลย

เรื่อง Shale oil จะเจ๊งก่อน หรือ โอเปกจะเจ๊งก่อน มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้นักลงทุนรายย่อยเจ๊งไปเรียบร้อยแล้วจ้ะ T T

====================================

อัพเดท

เนื่องจากการประชุมโอเปกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สรุปว่าจะไม่ลดการผลิต เพราะอเมริกากะรัสเซียไม่ยอมลด แถมปีหน้าอิหร่านที่ได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรจะผลิตน้ำมันมาขายเพิ่มอีก ราคาจะรูดขนาดไหนไม่อยากคิด

นักวิเคราะห์บางสำนักบอกมีโอกาสเห็น 20 ดอลล์ต่อบาร์เรล ‪#‎สะพรึง‬