ETC รวมพลังปิดดีลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เพื่อความยั่งยืน

0
307

ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคอุตสาหกรรม คือปัจจัยสำคัญที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด และนับวันก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ก็คือ “ขยะอุตสาหกรรม”
โดยในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีขยะอุตสาหกรรมมากถึงประมาณ 22 ล้านตัน

แต่ใช่ว่าขยะจากอุตสาหกรรมจะมีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าเรากำจัดอย่างถูกวิธี จะสามารถนำไปแปรรูปเป็น “เชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม” หรือที่เรียกว่า Solid Recovered Fuel (SRF)

ที่นอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังสามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีกด้วย

ซึ่งขยะอุตสาหกรรม 1 ล้านตัน สามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 100 MW เลยนะ

สำหรับผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม แห่งแรกของไทยก็คือ บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ หรือ ETC

จากที่ผ่านมา ETC มีโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม ทั้งหมด 3 แห่ง กำลังการผลิตทั้งหมดรวม 20.4 MW

เบื้องหลังความสำเร็จของ ETC มีผู้สนับสนุนสำคัญอยู่เบื้องหลังคือ BWG หรือ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนร้อยละ 43.93

BWG คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม และขยะอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจขนส่งกากอุตสาหกรรม, บริการคัดแยกและรับฝังกลบขยะอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย, บริการปรับปรุงและแปรสภาพน้ำเสียให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่

นอกจากธุรกิจที่เล่าให้ฟังไปแล้ว BWG ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่น จากการเป็นผู้แปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง SRF ซึ่งทางบริษัทมีทีม R&D เรื่องเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงให้มีค่าความร้อน ความชื้น ขนาด และความหนาแน่นที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ BWG และได้มีการจดอนุสิทธิบัตรไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยเชื้อเพลิง SRF ของ BWG จะถูกส่งให้แก่ ETC และ BWG ก็เป็นผู้กำจัดขยะอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นภายใน ETC อีกด้วย

ซึ่งนอกจาก ETC แล้ว BWG ยังถือหุ้น AKP หรือ บมจ.อัคคีปราการ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเผาทำลายขยะอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายในสัดส่วนร้อยละ 51.18 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมแบบครบวงจร

ล่าสุดทั้ง ETC และ BWG ก็ได้จับมือกับ GWTE หรือ บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GULF

ปิดดีลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 12 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมทั้งสิ้น 96 เมกะวัตต์ และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม อีก 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,800 ล้านบาท

โดยการร่วมมือกับ GULF ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน พร้อมประสบการณ์การพัฒนา และบริหารโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน มากกว่า 30 โครงการ ในไทย และอีกหลายประเทศ

พูดได้ว่าดีลในครั้งนี้ ก็เปรียบเสมือนการรวมพลังกันของ 3 ฮีโร่ ที่แต่ละคนก็ต่างมีจุดแข็งเป็นตัวเอง ซึ่งเมื่อร่วมมือกันแล้ว จะช่วย Synergy ให้ธุรกิจของทั้ง 3 บริษัท ครอบคลุมและครบวงจรยิ่งขึ้น

โดย BWG มีจุดเด่นในการรวบรวมขยะอุตสาหกรรม และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง SRF
ETC เป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง SRF
และ GULF ที่ช่วยบริหารจัดการโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

รายละเอียดของการร่วมมือกันในครั้งนี้ แบ่งเป็น

1. ลงทุนใน GGP หรือ บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด

ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการทั้งหมด 15,000 ล้านบาท โดยเป็นการถือหุ้นระหว่าง ETC และ GWTE ในสัดส่วน 50:50

2. ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน SIP หรือบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด

โดย SIP ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมทั้งสิ้น 16 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท
หลังจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้ ETC และ GWTE ถือหุ้นรวมกันกว่า 77%

3. ลงทุนใน CC หรือบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด

ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,600 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม ให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้งหมด 12 แห่ง โดยเป็นการถือหุ้นระหว่าง BWG กับ GWTE ในสัดส่วน 50:50

โดยการร่วมมือกันของ 3 ยักษ์ใหญ่ ทั้ง ETC, BWG และ GWTE ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการพลิกโฉมวงการ การจัดการขยะอุตสาหกรรมไทย พร้อมต่อยอดสู่ความยั่งยืน ทั้งในด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของไทย

#MAOxETC