ตะลุยอาณาจักร CGH : จาก บล. สู่ Holding Company

0
55162

สองสามปีหลังมานี้ มีหลายบริษัทผันตัวเองไปเป็น Holding Company (คือบริษัทที่มีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ ได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลและผลกำไรส่วนต่างจากหลักทรัพย์) ปีที่ผ่านมาก็มีหลายบริษัท เช่น PS, TCC วันนี้จะพามาดูบริษัทนึง ที่เปลี่ยนตัวเองเป็น Holding Company ตั้งแต่เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เรามาดูว่าวันนี้เค้าเป็นยังไงแล้วบ้าง

ถ้าใครติดตามหุ้นของ บล. คันทรี่กรุ๊ปอยู่ หลายปีมานี้คงเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากเดิมที่ทำธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รายย่อย ซึ่งยิ่งนับวันยิ่งแข่งขันกันสูงมาก คันทรี่กรุ๊ปมองเห็นความเสี่ยงนี้ จึงเริ่มปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2556 และผันตัวเองมาเป็น Holding Company ภายใต้ชื่อ Country Group Holdings และเปลี่ยนชื่อในตลาดหลักทรัพย์จาก CGS เป็น CGH ในปี 2558 โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “เราจะเป็นบริษัทลงทุนที่หลากหลายและเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย”

การปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากบริษัทหลักทรัพย์มาเป็น Holding Company ของ CGH เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรามาดูกลยุทธของ CGH ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากัน (ข้อมูลบางส่วนนำมาจากประชุมผู้ถือหุ้นปี 2559-2560)

– ปรับโครงสร้างธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพ : บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS (ถือหุ้น 99.3%) แต่เดิมเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า ปัจจุบันโบรกเกอร์มีเยอะมากถึง 36 แห่ง และยังมีการเปิดตัวโบรกเกอร์ใหม่ๆ ที่ค่าธรรมเนียมต่ำ เห็นได้ว่าธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง ทำให้ CGS รายได้รวมลดลงทุกปี CGS จึงปรับโครงสร้างองค์กรโดยเมื่อปี 2559 ขาย 21 จาก 40 สาขาไปให้กับบริษัทหลักทรัพย์อื่น เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยจะหันมาเน้นให้บริการลูกค้าสถาบันมากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้บริการด้านอื่น เช่น ธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เป็นต้น
– ลงทุนในบริษัทที่ Under Value : การลงทุนใน บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) หรือ PDI (ถือหุ้น 25%) บริษัทนี้เดิมทำธุรกิจเหมืองสังกะสี ซึ่งแร่สังกะสีจะหมดในปี 2560 จะต้องปิดเหมือง นักลงทุนหลายคนก็สงสัยว่า CGH จะไปซื้อมาทำไม? สิ่งที่ CGH มองคือ ผาแดงมีทรัพย์สินและเงินสดในบริษัทแข็งแกร่งมาก มีมูลค่ามากเพียงพอที่จะทำธุรกิจอื่นต่อได้ด้วยตัวเอง และไม่มีหนี้สินระยะยาว CGH มองว่าเป็นการลงทุนที่ Under Value จึงเข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2557 จนปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดย PDI ได้วางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เป็นบริษัท “อุตสาหกรรมสีเขียว” ที่เน้นทำธุรกิจ 3 อย่างคือ กำจัดขยะ, ธุรกิจรีไซเคิลของเสียภาคอุตสาหกรรม และ ธุรกิจพลังงานทดแทน ที่เป็นเป้าหมายของ CGH อยู่แล้ว
– ลงทุนในบริษัทที่มี Growth Story : การลงทุนในบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD (ถือหุ้น 9.3%) เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโครงการ “เจ้าพระยา เอสเตท” ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมและที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักซ์ซัวรี ในขณะนี้เป็นช่วงของการลงทุน จะเริ่มรับรู้รายได้กลางปี 2561 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่า CGD จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ โดย CGH มองว่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นอกจากจะได้ปันผลแล้ว ยังมีโอกาสจากมูลค่าเพิ่มของที่ดินได้อีก
– ลงทุนในบริษัทที่มั่นคง : การลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC (ถือหุ้น 24.8%) เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนมากว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งให้ผลกำไรสม่ำเสมอ ทำให้ CGH มีความปลอดภัย และมั่นคงในด้านรายได้

ซึ่งข้อดีที่ CGH ได้รับจากการเปลี่ยนเป็น Holding Company คือ
1. ธุรกิจในเครือช่วยส่งเสริมกันเอง อย่าง CGS สามารถให้คำปรึกษาในด้านการเงินการลงทุน, MFC ก็สามารถระดมทุนได้, CGD มีความชำนาญด้านอสังหาฯ และ PDI ชำนาญด้านพลังงาน ซึ่งความรู้เฉพาะด้านก็ช่วยส่งเสริมการประกอบธุรกิจซึ่งกันและกันได้
2. กระจายความเสี่ยงจากการลงทุน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธุรกิจหลักทรัพย์อย่างเดียว
3. ผลตอบแทนแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งสะท้อนออกมาในงบการเงิน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ปี 2559 เติบโต 545% เทียบกับปีก่อนหน้า) และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนก็เพิ่มขึ้นสม่ำเสมออีกด้วย (ปี 2559 เติบโต 632% เทียบกับปีก่อนหน้า)
4. มีโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ

จากการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของ CGH เมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่มองเห็นจุดด้อยของธุรกิจหลักของตนเองและพยายามเดินหน้าปรับตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งงบการเงินของปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าธุรกิจ Holding Company เริ่มสร้างผลกำไรให้นักลงทุนได้มากกว่าธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์เดิม (กำไรสุทธิของ CGS สิ้นปี 2557 อยู่ที่ 384 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิของ CGH หลังปรับโครงสร้างเสร็จสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 392 ล้านบาท) และธุรกิจที่ไปลงทุนยังมีโอกาสเติบโตได้อีก สำหรับนักลงทุนก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าธุรกิจใหม่ของ PDI จะสดใสตามที่คิดไว้หรือไม่ และโครงการใหม่ของ CGD จะรับรู้รายได้ภายในช่วงที่ กำหนดหรือไม่ รวมไปถึงแผนการลงทุนใหม่ๆ ของ CGH ในอนาคต ซึ่งก็สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรงที่ http://www.cgholdings.co.th/index.php

สำหรับนักลงทุนที่เริ่มสนใจลงทุนในบริษัทฯ ที่เป็น Holding Company ไม่ว่าจะเป็น CGH หรือหุ้น Holding ตัวอื่นๆ เม่าก็มีทิปการลงทุนมาฝากเล็กๆ น้อยๆ

ข้อสังเกตก่อนลงทุนหุ้น Holding Company
• ข้อแรก การดูงบการเงิน นอกจากจะดูงบการเงินรวมของบริษัทแม่แล้ว ก็ควรตามไปดูงบของบริษัทที่ถือหุ้นด้วย เพราะตัวเลขที่สะท้อนในงบของบริษัทแม่มีเพียงกำไรจากเงินปันผล แต่หนี้สินต่างๆ ไม่ได้สะท้อนมาในงบของบริษัทแม่ด้วย
• ข้อสอง ตามหลักการแล้ว บริษัท Holding Company เมื่อหามูลค่าหุ้นจากวิธี sum-of-the-parts อาจจะมีส่วนลดนะ (ส่วนลดเนื่องจากสภาพคล่อง,ค่าบริหารจัดการของบริษัทแม่,ภาษี ฯลฯ) จึงควรประเมินมูลค่าด้วยความรอบคอบ
• และข้อสุดท้ายอย่าลืมติดตามข่าวสารบริษัทเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ด้วยนะจ๊ะ ที่บางครั้งอาจมีการเพิ่มทุน ถ้าถือลืมๆ ไม่ติดตามอาจจะเจอ Dilution Effect โดยไม่รู้ตัวได้นาจา

Disclaimer : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ในธุรกิจของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)โดยอ้างอิงจากข้อมูลจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และงบการเงินของบริษัทฯ ที่เผยแพร่สู่สาธารณชนเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ข้อมูลภายใน ผู้จัดทำมิได้ให้คำแนะนำในการเสนอซื้อหรือขาย หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งการซื้อขายกับผู้จัดทำ การลงทุนในหลักทรัพย์ต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์มูลค่า จังหวะการลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน