เวลาช่วยเยียวยาวิกฤต – ความคืบหน้าการจ่ายเงินคืน 4 กองทุนตราสารหนี้ ธนพลัส ธนไพศาล ธนเพิ่มพูน ธนไพบูลย์

0
62618

ถึงแม้เวลาจะไม่ได้ช่วยเยียวยาได้ทุกสิ่ง แต่ช่วยเยียวยามูลค่าของหน่วยลงทุนธนพลัส ธนไพศาล ธนเพิ่มพูน ธนไพบูลย์ ได้นะเออ

ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม ช่วงที่ COVID-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก ผู้คนกำลังแตกตื่น ช่วงนั้น TMBAM Eastspring ประกาศ ปิด 4 กองทุนตราสารหนี้

การปิด 4 กองทุนตราสารหนี้ ธนพลัส ธนไพศาล ธนเพิ่มพูน และธนไพบูลย์ สาเหตุมาจากกองทุนโดนผู้ถือหน่วยขายคืนจำนวนมาก จนทำให้ทางกองทุนต้องไปขายตราสารหนี้คุณภาพดีที่ถืออยู่เพื่อเอาเงินมาคืนผู้ถือหน่วย แต่ตลาดตราสารหนี้ช่วงนั้นขาดสภาพคล่องทั่วโลก ทำให้เหมือนต้องเอาของดีไปเร่ขายในราคาถูก ซึ่งผู้ถือหน่วยทุกคน (แม้จะไม่ได้ไปร่วมวงเทขายกับเค้าด้วย) จะขาดทุนอย่างไม่ควรจะเป็น ดังนั้นผู้จัดการกองทุนจึงตัดสินใจยกเลิกกองทุน ด้วยเหตุผลที่ว่า “เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน” ท่ามกลางความสับสนของผู้ลงทุน

3 เดือนผ่านไป วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนผ่านการแนะนำของ Portfolio Liquidation Special Committee หรือ PLSC และดำเนินตามกรอบแนวทางจากสำนักงานตรวจสอบบัญชีชั้นนำระดับโลกที่อยู่ในกลุ่มบริษัท Big four นั้นมาถูกทางแล้ว เพราะ TMBAM Eastspring ทยอยจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยไปได้ประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่า NAV ในวันสุดท้ายก่อนปิดกอง และยังเหลือมูลค่าทรัพย์สินในกองอีกกว่าครึ่ง หรือประมาณ 80,000 กว่าล้านบาท

สรุปว่าผู้ถือหน่วยได้เงินคืนมาจะครึ่งทางแล้ว แล้วอีกครึ่งที่เหลือจะได้คืนเมื่อไหร่ ?

ปัจจุบันแม้สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงก่อนเยอะ แต่ก็ยังไม่ 100% ทาง TMBAM Eastspring จึงขออนุญาตสำนักงานกลต.ขยายเวลาจ่ายเงินคืนไปอีก 90 วัน เพื่อรอราคาขายที่ดีกว่า โอกาสขาดทุนน้อยลง และการทุ่มขายตราสารหนี้ขนาดใหญ่ในระยะเวลาอันใกล้นั้น จะไม่สอดคล้องกับจังหวะและสภาพคล่องที่มีอยู่ในตลาดจะทำให้มูลค่าเงินที่จ่ายเงินคืนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนลดลงอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ส่งผลดี

การปิด 4 กองทุนครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดี ทั้งในแง่การบริหารจัดการกองทุนของ TMBAM Eastspring ที่กล้าหาญ สุดท้ายก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนจริง ๆ (เพราะถ้าฝืนเปิดต่อไปผู้ลงทุนน่าจะขาดทุนกันหนักกว่านี้) และกรณีศึกษาในแง่ของผู้ลงทุน ที่ไม่ควรนำเงินเก็บไว้ในสินทรัพย์ประเภทเดียว เพราะหากเกิดภาวะวิกฤต อาจจะนำเงินออกมาไม่ได้ การกระจายความเสี่ยงและบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนนะจ๊ะ ด้วยรักจากพี่เม่า